ความเดิมจากตอนที่ 7
หลังจากระเบิดพรสวรรค์ออกมาให้ผมได้เห็นในวันนั้น ธณากรณ์ก็ยังคงเป็นธณากรณ์คนเดิมครับ
กระทั่งวันหนึ่ง มีประกาศรับสมัครแข่งขันร้องเพลงวันแม่ของโรงเรียน โดยการประกวดนั้นจะหาผู้ชนะเพื่อร้องเพลงในงานวันแม่ครับ แบ่งการประกวดเป็น 2 ระดับ คือระดับประถมต้น (ป.1 – ป3) และระดับประถมปลาย (ป.4 – ป.6) โดยทั้งสองช่วงชั้นจะแบ่งเป็นประเภทชายและหญิง การประกวดครั้งนี้แหละ ที่จะเปลี่ยนชีวิตของเด็ก ป.5 คนหนึ่งให้กลายเป็นดาวของโรงเรียน เพียงข้ามวัน
รับสมัครไปหลายวัน มีคนมาสมัครไม่เท่าไหร่เลยครับ ซึ่งส่วนใหญ่ก็หน้าเดิม ๆ คือเป็นนักร้องประจำโรงเรียน และมักจะเป็นตัวแทนในการแข่งขันทักษะ แม้ว่างานประกวดร้องเพลงจะเป็นครูวิยะดาที่รับผิดชอบในการจัดประกวดแข่งขัน แต่ในฐานะผู้รับผิดชอบโครงการอย่างผมแล้ว จะอยู่เฉยไม่ได้ครับ หากนักเรียนชั้น ป.5 ที่ผมประจำชั้นอยู่ไม่มีคนไปสมัคร
การ “บิ๊ว” จึงเกิดขึ้น
ตอนนี้ ผมมีระบบควบคุมพฤติกรรมของชั้น ป.5 ด้วยระบบสะสมความดีครับ คือใครทำความดีก็จะได้รับดาวไป 1 ดาว ซึ่งผมก็บอกนักเรียนไว้ว่าเมื่อถึงกำหนดจะแจ้งผู้ปกครองว่าใครมีดาวเท่าไหร่ ซึ่งดาวนี้สามารถใช้เป็นแต้มในการประมูลของรางวัลได้ครับ ซึ่งครั้งนี้ ถ้าใครไปสมัครร้องเพลง จะจัดให้งาม ๆ 5 ดาวครับ ถ้าได้รางวัลก็จะบวกเพิ่มให้อีก และบอกนักเรียนให้ทำดีเพื่อแม่สักครั้ง ซึ่งการร้องเพลงครั้งนี้ก็ถือเป็นการทำเพื่อแม่ครับ
เย็นวันนั้น ขณะที่นักเรียนกำลังจะเข้าแถวกลับบ้าน แต่ละคนรีบวิ่งไปเข้าแถว เพราะกำลังถูกตัวเลขศักดิ์สิทธิ์ 1 – 10 กดดันอยู่ (นับเลขกดดันแบบที่เคยเล่าใตอนลูกเสือ) เหลือเพียงแต่ธณากรณ์ เยื้องย่างอย่างใจเย็น พลางร้องเพลงค่าน้ำนมเข้ามากระทบโสตประสาท
แหม่….มันช่าง “ให้ท่า” แมวมองเหลือเกิน
ผมหันไปแซว “ธนากรณ์เสียงดีนะเนี่ย ไปประกวดร้องเพลงวันแม่ด้วยนะ เผื่อจะได้รางวัล” ธณากรณ์ตอบผมด้วยประโยคไม่มีหางเสียงเหมือนเดิม “โอ้ยยย ไม่อาววว ผมไม่ร้องงงง” แหนะ เล่นตัวอีก
วันประกวดมาถึง ไม่รู้ว่า ป.5 มีใครประกวดบ้าง ผมวิ่งวุ่นติดตั้งคาราโอเกะอยู่นาน พยายามหาคอมพิวเตอร์ในห้องคอมว่าจะมีเครื่องไหนบ้างที่มีคาราโอเกะ ก็ไปเจออยู่เครื่องสุดท้าย เก่าสุด โทรมสุด สภาพไม่น่าเชื่อว่าจะสามารถเล่นเพลงคาราโอเกะโดยไม่กระตุกได้
ระดับประถมต้น คุณครูวิยะดาให้ร้องสดครับ ผมว่าดีแล้วล่ะครับ เพราะว่านักเรียนจะท่องเนื้อในใจอย่างเดียวเลย บางคนเขินจนไปยืนหัวเราะบนเวทีตั้งนาน ถ้าใครผ่านมาเห็นคงนึกว่าประกวดหัวเราะวันแม่ คนดูต่างเชียร์ต่างลุ้นกันหนักเลยครับ ไม่ใช่เพราะการแข่งขันสูง แต่ลุ้นให้ร้องเพลงให้จบครับ เรียกว่าความสามารถ 5 ความกล้า 10 กันเลยทีเดียว
เข้าสู่การประกวดระดับประถมปลาย บรรยากาศเริ่มคึกคัก เพราะเมื่อนักร้องขวัญใจของใครร้องจบก็จะมีแฟนคลับเข้าไปมอบดอกไม้ให้จนหอบลงเวทีแทบไม่ไหว พอคนถัดไปร้อง คนดูหายครับ รู้สึกห้องดูโล่ง ๆ พอร้องจบ คนดูเหล่านั้นก็กลับเข้ามาพร้อมกับดอกไม้ กิ่งไม้ ใบไม้ ทุกอย่างที่เอามาเป็นกำลังใจให้ผู้เข้าประกวดได้ จัดมาให้หมด คือไม่ได้ดูเค้าร้องเพลงเลยครับ รอจะมอบดอกไม้อย่างเดียว รุ่นใหญ่เนี่ย เชื่อว่าตั้งใจจะให้กำลังใจเพื่อนจริง ๆ แต่รุ่นเล็ก ๆ เนี่ยออกแนวเลียนแบบครับ
ผ่านไปสองคนเท่านั้นแหละครับ แปลงดอกไม้ และไม้ประดับหน้าอาคารอเนกประสงค์แทบจะโกร๋น ก็เด็ดมาซะขนาดนั้น จนครูวิยะดาต้องลุกขึ้นประกาศกฎเหล็ก ห้ามเด็ดดอกไม้มาอีก มิฉะนั้นจะปรับคนละ 10 บาท นั่นแหละ ถึงจะหยุด
ถึงจะหยุดเด็ดดอกไม้แต่ไม่หยุดให้กำลังใจครับ ดังนั้นภาพต่อไปจึงเห็นการ “เวียน” ดอกไม้ เพราะหลังจากที่มอบดอกไม้ให้นักร้องแล้วนั้น เหล่ากองเชียร์ก็จะไปดักรอที่ทางลงจากเวที พอนักร้องก้าวลงจากเวทีเท่านั้นแหละ เหล่านักเรียนใหญ่น้อยก็จะวิ่งไปรุมทึ้งดอกไม้จากนักร้อง เพื่อจะเอาไปเตรียมให้กับนักร้องคนต่อไป สปิริตกองเชียร์สูงจริง ๆ ให้ตายสิ – -”
การประกวดประถมปลายมีสีสันมากกว่าเนื่องจากร้องตามเสียงดนตรีจากคาราโอเกะ แม้จะมีบางคนที่ต้องใช้เวลานานกว่าจะปรับเสียงร้องให้เข้ากับเสียงดนตรีได้ ซึ่งต่างจาก “ธณากรณ์” ครับ
หา!!! ว่าไงนะ…..นั่นธณากรณ์จริง ๆ หรือนี่
ผมไม่เคยคิดว่าเด็กคนนี้จะกล้า เป็น 1 ใน 2 ของนักเรียนชั้น ป.5 ที่ประกวดร้องเพลงครับ ธนากรณ์มาในเพลง “ค่าน้ำนม” ดูสีหน้าและท่าทางการร้องซะก่อน ก้มหน้าตาละห้อยเหมือนทำอารมณ์
คงคิดกันว่าธณากรณ์ คงจะมีพรสวรรค์ในการร้อง จนไม่ต้องใช้เวลาปรับตัวมากใช่มั้ยครับ ขอบอกว่าผิดครับ ธณากรณ์ ไม่ต้องปรับตัวเพราะผู้มีดนตรีในหัวใจอย่างเขาไม่สนใจเสียงดนตรีจากคาราโอเกะครับ !!!
ไม่รู้จะอธิบายยังไง ให้ทุกท่านได้ยินเสียง เอาเป็นว่า เมื่อดนตรีบรรเลงขึ้นจบเข้าท่อนร้อง เขาก็เริ่มร้องทันที ถ้าดนตรีคือการนับ 1 – 10 ธนากรณ์นับรวดเดียวจนถึงเลข 10 ดนตรีเพิ่งจะถึงเลข 3 – -” แล้วจะว่าไม่สนใจดนตรีก็ไม่ใช่ เพราะเขาก็รอจนดนตรีขึ้นท่อนใหม่ครับแล้วถึงจะร้องจนจบท่อนอีกครั้ง แล้วก็รอดนตรีตามมา เรียกว่า “ข้าเร็ว ขอล่วงหน้าไปก่อนนะ” ทำนองนั้น
ธณากรณ์ยังคงร้องเพลงต่อไป ผมจะขำก็สงสาร เพราะถือว่าตัวเองก็เป็นคนแนะนำเข้าสู่วงการต้องแอบไปขำข้างนอก ที่เห็นท่าทางก้มหน้าตาละห้อยแบบนี้ อย่าเพิ่งคิดว่าซึ้งนะครับ ต้องดูเบื้องหลังซะก่อน
นี่แหละครับ สาเหตุของแววตาละห้อยคู่นั้น คือดูเนื้อนะครับ ไม่ใช่ไม่ดู (ยืนยันว่าอ่านออกเขียนได้)
และแล้วธณากรณ์ก็ร้องเพลงจบลง ด้วยอาการโล่งอกของคุณครูที่เป็นกรรมการ แต่สำหรับนักเรียนไม่เป็นแบบนั้นครับ ดูกันซะก่อนครับ
โอ้โห โดนรุมทึ้งครับ สังเกตให้ดีจะมีเพื่อนที่ทำหน้าที่คล้าย ๆ รปภ. ของนักร้องดัง มาช่วยกันคนออก และช่วยเก็บดอกไม้ไปให้ เป็นไงล่ะ เด็กผม…
และไม่เชื่อก็ต้องเชื่อครับ ว่าธณากรณ์เป็นคนเดียว ที่ไม่โดนกองเชียร์แย่งดอกไม้คืนครับ แบบว่าให้แล้วให้เลย ทำไมนะเหรอครับ ก็ร้องเป็นคนสุดท้ายไง 5555
ผู้อ่านคิดว่าธณากรณ์ได้รางวัลอะไรในการร้องเพลงครั้งนี้ครับ ขวัญใจคนดู ขวัญใจคุณครู กล้าแสดงออก รางวัลชมเชย
หรือ รางวัลดันทุรัง
เปล่าเลยครับ ธณากรณ์ได้รางวัล “รองชนะเลิศ อันดับสอง !!!”
รางวัลเป็นเกียรติบัตร โดยผู้ใหญ่บ้านและครูใหญ่ (คนอื่นเรียกผอ.แต่ผมเรียกครูใหญ่ จากใจครูน้อย)
และสมุดโน้ตเล่มหนา
ธณากรณ์รับมอบรางวัลจากรองนายกอบต. ท่ามกลางเสียงปรบมือของคุณครู ผู้นำชุมชน คุณแม่นับร้อย และเพื่อน ๆ ทั้งโรงเรียน แต่นั่นคงไม่สร้างความภูมิใจให้แก่เขา ได้เท่ากับการได้รับรางวัลต่อหน้าคุณแม่ของตนเอง ซึ่งคงมีค่ากว่ารางวัลของหลาย ๆ คน เพราะนี่คือรางวัลเกียรติยศครั้งแรกของธนากรณ์ ตั้งแต่เป็นนักเรียนบ้านดอย
ครูวิยะดา หัวหน้าคณะกรรมการประกวดร้องเพลง ทิ้งประโยคที่น่าฟัง ภายหลังการตัดสินใจมอบรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 หรือ รางวัลที่ 3 ให้ธนากรณ์ในปีนี้ว่า
“ก็มันมีอยู่สามคนหนิ” (อ้าว 5555+)
…….
สิ่งที่ผมภาคภูมิใจในตัวของธนากรณ์ ไม่ได้อยู่ที่ผลแพ้ชนะ ได้รางวัลหรือไม่ได้รางวัล เพราะอย่างที่ผมบอก ผมให้ดาวแก่คนที่สมัครอยู่แล้ว แต่สิ่งที่ผมภูมิใจคือเค้าได้กล้าทำในสิ่งที่เค้าอยากทำ กล้าที่จะยืนร้องเพลงท่ามกลางสายตานับร้อยด้วยความมั่นใจต่างหากครับ
ไม่ว่าคุณกำลังตัดสินใจจะทำอะไรอยู่ตอนนี้ ผมอยากให้คุณดูธณากรณ์เป็นตัวอย่าง อย่าสนใจเสียงหัวเราะ เพราะหูของคุณมีไว้ฟังเสียงดนตรี อย่าสนใจเสียงเสียดสี ถ้าคุณมีความตั้งใจ รางวัลแห่งความกล้า รางวัลที่บางคนอาจจะมองว่าไม่มีค่าเท่าไหร่ รางวัลที่ไม่มีทางจะก้าวมาหาคุณ คุณต้องเป็นผู้กล้าสำหรับมันเท่านั้น วันนี้ธณากรณ์ทำสำเร็จในก้าวแรกของเขาแล้วครับ
ว่าแต่ปกสมุดเล่มนั้น…..”ธณากรณ์ … นายไปเป็นนายแบบบนปกสมุดตั้งแต่เมื่อไหร่??”
ปล.1 หลังจากนั้นธณากรณ์ได้เป็นตัวแทนประกวดร้องเพลงคุณธรรม ได้รางวัลเหรียญเงินระดับกลุ่มโรงเรียน ด้วยเพลงคุณธรรมที่เขาแต่งขึ้นเองสด ๆ ในวันนั้น
ปล.2 ปัจจุบัน ธนากรณ์อยู่ชั้น ม.5 แล้วครับ