ข้อคิดจากการเตะบอลกับนักเรียน

วันนี้เตะบอลกับนักเรียนเสร็จ กลับมาคิดอะไรเพลิน ๆ ครับ

ย้อนกลับไปเมื่อตอนเป็นเด็กประถม ประมาณ ป.2 – ป.3

เด็กชายศุภวัจน์ เป็นเด็กอ้วนคนหนึ่งที่เตะบอลไม่เป็น ธรรมดาของเด็กที่เตะบอลไม่เป็นมักจะถูกครูจับไปเล่นเป็นกองหลัง

ด้วยความที่ไม่มีทักษะใด ๆ มาก่อนเลย เวลาบอลมาก็จะกลัวบอล เข้าบอลโฉ่งฉ่าง ยกมือตั้งการ์ด จนครูและเพื่อน ๆ ล้อว่าเป็นท่ากังฟูคิก ทุกครั้งที่บอลมาหาเพื่อนก็จะพากันคอยสังเกต คอยจับผิดแล้วก็ล้อ เล่นด้วยความไม่มั่นใจ โดนครูด่า ด่าเหมือนไปเตะบอลใส่หน้าครูยังงั้นแหละ

เด็กชายศุภวัจน์เตะบอลไม่ขึ้น เมื่อต้องเตะบอลไกล ๆ ก็มักจะใช้วิธีการเตะแบบฉีดยา และมักจะถูกเพื่อน ๆ แซวเช่นเคย ว่าเตะบอลไม่เป็น

สิ่งที่เด็กชายศุภวัจน์รู้สึกดีใจอย่างหนึ่งคือ ตอน ป.5 เมื่อถึงวัยที่ต้องเป็นตัวแทนฟุตบอลของโรงเรียน (โรงเรียนคนไม่เยอะ เด็กโต ๆ ก็จะโดนเกณฑ์ไปเล่นกีฬาเกือบทุกประเภท) ทางกลุ่มโรงเรียนมีการจำกัดความสูงไม่เกิน 145 ซม. ทำให้เด็กตัวสูง ๆ ไม่มีสิทธิ์เล่น (ตอนนั้นน่าจะสูงเกิน 150 ซม.แล้วครับ เพื่อนหลายคนก็ไม่ได้เล่น นี่อาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้วงการฟุตบอลไทยพัฒนาช้ากว่าที่ควรจะเป็น)

เมื่อสูงเกินก็อดเล่น พ่อ ซึ่งเป็นครูในโรงเรียนและเป็นโค้ชวอลเล่ย์บอลก็ดึงตัวไปซ้อมวอลเล่ย์บอลแทน (ซึ่งแรก ๆ ก็เหมือนเดิม เล่นไม่เป็น โดนด่าจนร้องไห้ ยากกว่าเตะบอลอีก)

กลับมาที่ฟุตบอล

เด็กชายศุภวัจน์มีน้องชายบ้าบอล มันบ้าถึงขนาดตัดภาพนักฟุตบอลมาแปะสมุด น้องบ้าก็เลยบ้าตามน้อง ทำสนามฟุตบอลหน้าบ้าน ตั้งชื่อว่า The One Goal Park เพราะมีโกล์อยู่ฝั่งเดียว ซ้อมเตะฟรีคิกจากลูกวอลเล่ย์บอลรั่ว ๆ ที่พ่อโละมาให้

ข้าง ๆ สนามจะมีสูบตั้งอยู่ เตะสามทีก็ต้องพักมาสูบแล้วเตะต่อ

น้องชายเริ่มชวนเพื่อนมาเตะบอลที่บ้าน เริ่มแบ่งทีมกัน ใครเตะเข้าก็ไปเป็นโกล์ ตอนนั้นเด็กชายศุภวัจน์รู้สึกว่าการเล่นฟุตบอลมันสนุกมาก เพราะลูกวอลเล่ย์มันเบากว่าลูกฟุตบอล เตะยังไงก็ขึ้น ปั่นยังไงก็โค้ง

ที่สำคัญคือเล่นกับเด็ก ๆ ที่อ่อนกว่า 3-4 ปี รู้สึกตัวเองเก่งเว้ยเห้ย กระชากลากเลี้ยงผ่านน้องเข้าไปยิงตูม ๆ จนเริ่มกลับมาชอบฟุตบอลอีกครั้งจนเข้าเรียน ม.1

ที่โรงเรียนสามัคคีวิทยาคม ผมแอบตั้งชื่อรุ่นตัวเองว่าเป็นรุ่นหญ้าตาย คือวันไปรายงานตัวหญ้าสวยมาก แต่รุ่นนี้แหละ ที่เข้าไปเล่นในสนามหญ้ทุกวันจนหญ้าตายทั้งสนาม ลามไปเตะที่สนามบาส สนามวอลเล่ย์ เตะทุกครั้งที่มีคาบว่าง จำได้ว่าไปโรงเรียนเช้ามาก เตะก่อนเข้าแถวหน้าเสาธง

การมีเพื่อนบ้าบอล ทำให้ยิ่งต้องพัฒนาฝีเท้าให้เป็นที่ยอมรับ กลับบ้านมาซ้อมเลี้ยงบอลกับน้อง บางวันไปเล่นที่สนามโรงเรียนเก่า มีกันสองคนพี่น้อง แต่เล่นกันทั้งสองฝั่ง 2 ประตู เหนื่อยก็ซ้อมยิงฟรีคิก แต่ก็ยังเล่นไปสูบบอลไปเหมือนเดิม ฮาาา

ต่อมาสันมะเค็ดก็มีทีมฟุตบอล ผมก็พยายามไปซ้อม ไปฝึกกับพี่ ๆ ภาพเด็กอ้วนที่ชอบเข้าบอลกังฟูคิกยังติดตาทุกคน แม้ว่าตอนนั้นตัวเองจะรู้สึกว่าเก่งขึ้นจากเดิมมากแล้ว แต่ก็ยังไม่ดีพอจะเป็นตัวจริงของทีมหมู่บ้านได้ ตอนซ้อมก็ยังโดนพี่ที่เป็นโค้ชด่าเหมือนเดิม ความรู้สึกของเราตอนนั้นคือ ไม่ได้รู้สึกว่าพลาดอะไรขนาดนั้น แค่หลอกอีกทีมแล้ววิ่งไปเอาบอลไม่ทัน 555 ด่าเราโง่เป็นควาย เลิกซ้อมเดินน้ำตาไหลกลับบ้านด้วยความเจ็บช้ำ แต่ไม่เคยมีสักครั้งที่จะเลิกเล่นบอล

หลังจากนั้นก็ยังเป็นเด็กบ้าบอลเช่นเคย เตะบอลทุกเย็น ไปเตะที่สนามบินเก่าตั้งแต่ห้าโมงเย็นถึงสามทุ่ม สมัยนั้นไม่มี youtube แต่มีโฆษณาไนกี้ ทุกครั้งที่มีโฆษณา เพื่อน ๆ ก็จะพยายามจำท่ามาสอนกันที่โรงเรียน

ผมอาจจะไม่ได้เป็นนักฟุตบอลที่เล่นบอลเก่งกาจขั้นเทพ แต่ผมก็เล่นบอลเป็นขึ้นมากจากแต่ก่อนนะ เป็นเพราะการฝึกฝนด้วยตนเอง ไม่มีใครบังคับว่าควรซ้อม ต้องฝึกต้องอะไร อาศัยว่าเราชอบเล่นฟุตบอล และอยากจะเล่นให้ดีขึ้น เพื่อที่จะไม่ต้องมีใครมาสบประมาทเราอีก แค่ไม่อยากให้ใครมาหัวเราะเยาะเราเท่านั้นเองครับ

ความสำเร็จสูงสุดจากการเล่นบอลคือ ตอนมหาวิทยาลัยก็ติดทีมคณะ เข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายกีฬามหาลัย (ตอนนั้นยังไม่มีครุพละ ถ้ามีคงไม่ติด 555)

เล่นฟุตซอลกับทีมล้านนาได้รองแชมป์ของหอพัก ฟุตบอลคณะเล่นกับเพื่อนร่วมรุ่นก็ได้ที่ 3

ทุกวันนี้อายุมากขึ้น เล่นเพื่อสุขภาพกับความสนุกสนาน ซ้อมกับเด็ก ๆ ที่โรงเรียน ความเร็วและพละกำลังก็ลดลงไปมากตามวัย 5555

ที่เล่ามาทั้งหมด ไม่ใช่จะอวดหรืออะไร เพราะเราก็รู้ดีว่าตอนนี้ฝีเท้าก็แค่พอเล่นได้ ไม่ได้เก่งอะไร แต่ก็ไม่ต้องมาเล่นไปขายขี้หน้าไปเหมือนเมื่อก่อน

การฝึกซ้อม การฝึกฝนมันช่วยให้คนเราพัฒนาขึ้นได้จริง ๆ นะ ถึงไม่มีพรสวรรค์ แต่ถ้ามีพรแสวงมันพัฒนาได้

เห็นความตั้งใจของเด็ก ๆ หลายคนเหมือนกัน แต่ก็อยากให้พยายามกันอีกนิด มุ่งมั่นกันอีกนิด อนาคตของเส้นทางสายนักฟุตบอลอาชีพเดี๋ยวนี้ยิ่งเปิดกว้างแล้วสร้างรายได้เป็นจำนวนมาก

การฝึกฝนอย่างมุ่งมั่น จะช่วยให้คนเราประสบความสำเร็จ ไม่ใช่แค่เรื่องฟุตบอลเท่านั้น แต่เป็นกับทุกเรื่องเลยครับ

ถ้ารักจริง ทำมันให้ได้เถอะ

  • กด like แฟนเพจ