สัมมนาองค์กรนักเรียนโรเรียนนครวิทยาคม เมื่อ 1-2 ธันวาคมที่ผ่านมาครับ
กิจกรรมหลักของการสัมมนานี้คือการเข้าใจอำนาจหน้าที่ของตนเอง การวิเคราะห์จุดแข็ง จุดอ่อน โอกาส และอุปสรรค โดยกระบวนการ SWOT Analysis และการ Empowerment ให้กับคณะกรรมการที่ทำงานมาตลอด 1 เทอม (ใครบอกเรียนโทบริหารแล้วไม่ได้เอามาใช้ในการทำงานตีมือตัวเองเดี๋ยวนี้เลยนะ 555)
.
.
SWOT ทำให้เด็ก ๆ เห็นภาพรวมของโรงเรียนได้ชัดขึ้น คือเห็นทั้งปัญหาและจุดที่ต้องพัฒนา คือไม่ใช่ตะบี้ตะบันแก้ปัญหากันอย่างเดียว ต้องแบ่งเวลาไปส่งเสริมจุดเด่นตัวเองบ้าง เห็นอุปสรรค แต่ขณะเดียวกันก็ยังมีโอกาสในการพัฒนา แล้วจึงพบว่า แม้อุปสรรคเราจะมีมากกว่าโอกาส แต่สิ่งที่เป็ยจุดแข็งกลับมีมากกว่าจุดอ่อน แปลว่าจริง ๆ แล้วที่พวกเอ็งทำกันมานั้นมันเมพนะเว้ย
.
.
ตกดึกเรามีกระบวนการเปิดใจ เป็นกิจกรรมง่าย ๆ ที่รู้สึกทรงพลัง หลายคนมีความอัดอั้นตันใจในการทำงาน ในการใช้ชีวิต เพราะการทำงานกับคนหมู่มากนั้นมันไม่ง่ายเลย แถมยังมีแรงกดดันกับคำว่าองค์กรนักเรียน การรักษาจิตใจซึ่งกันและกันจึงเป็นกระบวนการสำคัญ ที่บอกว่าง่ายคือ ใช้แค่การพูดและฟังกันเท่านั้นเอง
.
.
วันที่สองเราปิดท้ายด้วยการออกไปสัมผัสพลังงานธาตุ ดิน น้ำ ลม ไฟ นี่พูดได้เต็มปากเลยว่าก็อบมาทั้งดุ้นจากหมอต้า กระบวนกรที่มาจัดกิจกรรม work shop ครูกล้าสอน ที่มะขามป้อม เชียงดาว 55555
.
.
ตามแนวทางการรักษาโรคภัยไข้เจ็บ นี่คือการเข้าใจสมดุลร่างกายและจิตใจเพื่อเยียวยาตนเอง แต่สำหรับการทำงานในองค์กร เด็ก ๆ ควรรู้ว่า ในแต่ละองค์กรมีคนเช่นไร เพื่อนเราเป็นแบบไหน เมื่อรู้แล้ว เข้าใจแล้ว ก็จะขัดแย้งกันน้อยลง ยอมรับกันได้มากขึ้น ทุกข์จากเรื่องของคนอื่นมากขึ้น และปรับที่ตัวเรา
.
.
รวมทั้งการไปปรับองค์กร เพื่อทำงานให้กับคนหมู่มากได้มากขึ้น
.
.
เห็นฟีดแบ็กจากนักเรียนแล้วค่อนข้างเป็นที่พอใจ เพราะกลายเป็นว่า ค่ายนี้ เป็นค่ายที่เราพูดเรื่องตัวเองกันเยอะมาก แต่กลับเป็นการลดความนึกถึงตัวเองลง แล้วกลายเป็นไปใส่ใจคนอื่นมากกว่าเดิม
.
.
เราพูดถึงโครงการที่เราจะทำในเทอม 2 น้อยมาก แต่เรากลับมีแรงที่จะทำโครงการต่าง ๆ มากขึ้น ซึ่งผมอยากให้เด็ก ๆ ได้พูดถึงและติดตามโครงการเหล่านั้น ในที่ประชุมประจำสัปดาห์ที่พวกเขามาประชุมกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตากันมากกว่า
.
.
ทั้งหมดนี้ อยู่บนพื้นฐานของ “ความรัก” และ “ความเข้าใจ”
รวมทั้ง “การเคารพสิทธิ์ซึ่งกันและกัน” ครับ